พาราสาวะถี

  • คอลัมน์

    พาราสาวะถี : อรชุน

    เป็นเรื่องใหญ่และไม่รู้ว่าจะกลายเป็นหนังเรื่องยาวด้วยหรือเปล่า สำหรับประเด็นการคัดเลือกผู้สมัครส.ส.ในระบบไพรมารีโหวต ตามการปรับแก้ร่างกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมืองของสนช. เนื่องจากล่าสุด มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ.ยืนยันกับนักข่าวเองว่า กกต.ตีความในมาตรา 42 ว่าระบบไพรมารีโหวตคือส่วนหนึ่งของการเลือกตั้ง แต่กลับให้พรรคการเมืองจัดการสรรหาแบบไพรมารีโหวตกันเอง ส่วนกกต.มีหน้าที่ควบคุมตรวจสอบและให้ใบเหลือง ใบแดง

  • คอลัมน์

    พาราสาวะถี : อรชุน

    ๑๑ยอมรับกันโดยอัตโนมัติ บ้านเมืองอยู่ในการปกครองลักษณะนี้ โอกาสครบรอบ 85 ปีการอภิวัฒน์สยามหรือการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตยโดยคณะราษฎร บรรยากาศการจัดงานเพื่อรำลึกนึกถึงจึงเป็นไปด้วยความเงียบเหงา คนประชาธิปไตยที่เคยแสดงตัวในอดีตและนักการเมือง ต่างพากันเก็บตัวเงียบ ไร้กิจกรรมหรือการพบปะใดๆ

  • คอลัมน์

    พาราสาวะถี : อรชุน

    ตลกร้ายไทยแลนด์ขนานแท้ โครงการรถไฟความเร็วสูง จะดำเนินการภายใต้รัฐบาลจากเลือกตั้ง ถูกฝ่ายตรงข้ามดิสเครดิต โจมตีด้วยวาทกรรมสร้างไปขนผักหรืออย่างไร ไม่เพียงเท่านั้น คนที่อยู่ในฝ่ายอำนาจที่จะต้องตัดสินชะตากรรมของบ้านเมืองยังสร้างวาทกรรมจากอคติที่เป็นเรื่องเจ็บปวดสำหรับคนไทยทั้งประเทศ ถ้าถนนลูกรังไม่หมดไปจากประเทศไทยก็อย่าสร้างโครงการเช่นนี้

  • คอลัมน์

    พาราสาวะถี : อรชุน

    เป็นเรื่องน่ายินดีเมื่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยืนยันกับนักข่าวหลังประชุมครม.เมื่อวันอังคารว่า ตามกลไกต้องมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในปี 2561 เพียงแต่ว่าท่านไม่ได้บอกว่าจะเป็นช่วงเดือนไหนของปีดังกล่าวเท่านั้นเอง แต่ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดี นอกจากนั้น หัวหน้าคสช.ยังระบุอีกว่า ระบบคัดเลือกผู้สมัครแบบไพรมารีโหวต จะช่วยให้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาลด้วย

  • คอลัมน์

    พาราสาวะถี : อรชุน

    เป็นอันว่าโครงการรถไฟไทย-จีนภายใต้มาตรา 44 คงไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้ ส่วนใครจะจับไปเทียบเคียงหรือบอกว่าแล้วรถไฟไทย-ญี่ปุ่น จะได้สิทธิ์เดียวกันนี้หรือไม่ อย่าเพิ่งไปพูดถึง เอาแค่ว่านับจากนี้ไปนอกเหนือจากรายการเดินหน้าประเทศไทยและรายการทุกคืนวันศุกร์ที่เรตติ้ง (การประหยัดไฟเพราะคนไม่ดูทีวี) กระฉูด เราจะได้เห็นรายการที่เกี่ยวข้องกับการชี้แจงเรื่องโครงการรถไฟไทย-จีนโดยเฉพาะเพิ่มขึ้นมา (ยัดเยียดให้ดู) อีกหนึ่งรายการ

  • คอลัมน์

    พาราสาวะถี : อรชุน

    ปมมาตรา 44 เพื่อเร่งดำเนินโครงการรถไฟไทย-จีน เดิมทีเข้าใจว่าน่าจะมีเสียงวิจารณ์ที่เบาบางหรือหากมีใครออกมาสะกิดก็น่าจะเป็นการแตะเบรกแบบเบาๆ แต่อย่างน้อยวันนี้มี 2-3 คน ที่ช่วยเตือนสติท่านผู้นำว่าการเร่งรัดโครงการดังว่าด้วยกฎหมายพิเศษไม่น่าจะเป็นหนทางที่สวยงาม ที่น่าดีใจคืออย่างน้อยองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นก็ยังอยากเห็นความโปร่งใสที่ไม่ใช่แค่การเร่งรีบเพียงอย่างเดียว

  • คอลัมน์

    พาราสาวะถี : อรชุน

    คงทำได้แค่ตั้งคำถามกันแบบเล่นๆ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นประเทศไทย จะขยับขับเคลื่อนอะไรหรือไม่ หลังมีคำสั่งหัวหน้าคสช.ตามมาตรา 44 ที่ 30/2560 เรื่องมาตรการเร่งรัดและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ–นครราชสีมา หรือโครงการรถไฟไทย-จีน ที่มีการประชุมกันมาเกือบ 20 ครั้งแต่ไร้ความคืบหน้าใดๆ

  • คอลัมน์

    พาราสาวะถี : อรชุน

    แนวโน้มของการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายลูกว่าด้วยกกต.มีความเป็นไปได้สูง เหตุผลหนึ่งมาจากข้อสรุปของกกต.เห็นว่ามีข้อขัดแย้งเบื้องต้น 2 ประเด็นคือ เรื่องอำนาจที่กกต.คนเดียวสามารถระงับยับยั้งได้หากพบการทุจริตในหน่วยเลือกตั้งและสามารถกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ได้ และการเลือกตั้งท้องถิ่นที่กฎหมายได้มอบหมายให้หน่วยงานอื่นจัดการเลือกตั้งภายใต้การกำกับดูแลของกกต. ขณะที่ปมว่าด้วยมาตรา 70 กรณีคุณสมบัติกกต.หรือการถูกเซตซีโร่นั้น ยังไม่ได้พิจารณา

  • คอลัมน์

    พาราสาวะถี : อรชุน

    การปูดข้อมูลเรื่องซื้อขายตำแหน่งตำรวจในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ก่อนจะลามมาถึงกองบัญชาการตำรวจนครบาลของ วิทยา แก้วภราดัย อดีตสมาชิกสปท.และแกนนำกปปส. คงไม่ใช่เรื่องเลื่อนลอยแม้จะไร้หลักฐาน (เพราะคงหาใบเสร็จมาให้ไม่ได้) แต่ในฐานะคนที่เคยอยู่กับรัฐบาลยุคนามบัตรวอลล์เปเปอร์น่าจะเข้าใจถึงการวิ่งเต้นโดยใช้เงินซื้อเก้าอี้ในแวดวงสีกากีเป็นอย่างดี

  • คอลัมน์

    พาราสาวะถี : อรชุน

    ไม่น่าจะอธิบายกันอีกแล้วกับปมเซตซีโร่กกต. สิ่งที่ต้องจับตาต่อจากนี้ไปคือจะมีองค์กรอิสระแห่งใดอีกที่จะถูกโละทิ้ง ที่เหล่และเล็งกันไว้จากคำบอกกล่าวของ มีชัย ฤชุพันธุ์ คือคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนหรือกสม. ด้วยเหตุผลที่คล้ายกับกกต.เรื่องที่มาหรือคุณสมบัติของคณะกรรมการ หลายรายยังนิ่ง แต่ วัส ติงสมิตร ประธานกสม.ออกมาตั้งข้อทักท้วงพร้อมแนวทางการต่อสู้อย่างน่าสนใจ

Back to top button