พาราสาวะถี
-
คอลัมน์
พาราสาวะถี : อรชุน
สถานการณ์โควิด-19 จากการค้นหาเชิงรุกพบผู้ป่วยใกล้หลักพันมาตลอดเกือบสัปดาห์ที่ผ่านมาเฉพาะในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร จึงทำให้ยังคงเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดหรือสีแดงเข้ม ได้รับการผ่อนคลายให้ทำกิจกรรมประกอบกิจการแค่เล็กน้อยจากที่ประชุมศบค.ชุดใหม่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่พื้นที่อื่น ๆ คือสีแดงหรือควบคุมสูงสุด 4 จังหวัด กทม. นนทบุรี ปทุมธานีและสมุทรปราการ แม้จะดูว่าไม่มากเหมือนอีก 3 พื้นที่ที่เหลือคือ ควบคุม เฝ้าระวังสูงสุดและเฝ้าระวัง แต่ก็เรียกว่าทุกอย่างแทบจะปกติ
-
คอลัมน์
พาราสาวะถี : อรชุน
เพราะรู้ดีว่าสถานการณ์ของรัฐบาลสืบทอดอำนาจไม่สู้จะดี อยู่ในทิศทางขาลงอย่างเห็นได้ชัด ผลจากการระบาดระลอกสองของโควิด-19 ยิ่งเป็นตัวตอกย้ำซ้ำเติม ปมการเยียวยา 7 พันบาทสองเดือนแบบมีเงื่อนไขการใช้ยุ่งยาก ยังเป็นข้อคำถาม ตามมาด้วยประเด็นที่คนทำงานที่อยู่ในระบบประกันสังคมมาตรา 33 ไม่ได้รับการดูแลด้วย ทั้งที่เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบไม่แพ้กันกับกลุ่มอื่น เมื่อพิจารณาจากรูปการณ์ความนิยมที่มีต่อตัวเองแล้ว ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจึงสั่งให้ไปหาทางดูแลคนกลุ่มนี้
-
คอลัมน์
พาราสาวะถี : อรชุน
ไม่ว่าศบค.ชุดใหญ่จะมีมาตรการผ่อนคลายในแต่ละพื้นที่อย่างไรไม่ใช่เรื่องที่น่าตื่นเต้นและยินดี เพราะการที่จะควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้ดี มันอยู่ที่การเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายของฝ่ายเจ้าหน้าที่จากการแบ่งโซนความเข้มข้นของการระบาด รวมทั้งสำนึกของผู้ประกอบการที่เรียกร้องและคนที่เห็นแก่ตัวด้วย เห็นได้จากกรณีของดีเจคนดังเรื่องการจัดสังสรรค์รวมกลุ่มจนเป็นคำถามว่านี่ใช้ตัวการก่อให้เกิดซูเปอร์สเปรดเดอร์หรือไม่
-
คอลัมน์
พาราสาวะถี : อรชุน
ร่ายยาวชี้แจงข้อทักท้วงปมจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โดยสิ่งที่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เน้นย้ำในถ้อยแถลงที่แจกแจงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวนั้น เป็นประเด็นที่ย้อนถามธนาธรว่า การเปิดเผยรายละเอียดในสัญญา ฐานะที่เป็นนักธุรกิจเคยทำสัญญากับต่างประเทศน่าจะเข้าใจดีว่าสิ่งไหนที่เปิดเผยได้ไม่ได้อย่างไร ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ถูกเพียงแค่ครึ่งเดียว เพราะนั้นเป็นเงินส่วนตัว เงินบริษัท ไม่เกี่ยวกับงบประมาณแผ่นดิน
-
คอลัมน์
พาราสาวะถี : อรชุน
ไม่ได้มีอะไรนอกเหนือความคาดหมายกับ 10 รายชื่อรัฐมนตรีที่พรรคฝ่ายค้านรวบรวม 208 รายชื่อยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามไทม์ไลน์ที่ตกกันระหว่างวิปสองฝ่ายคือจะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 16-19 กุมภาพันธ์นี้ โดยที่รัฐมนตรีทั้ง 10 คนนั้นก็ชัดเจนว่า เป็นการแยกตามก๊กก๊วนและเครือข่าย นำทีมโดยพี่น้อง 3 ป. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ และ…
-
คอลัมน์
พาราสาวะถี : อรชุน
มารอลุ้นกันว่าหลังจากที่ได้ยินเสียงวิจารณ์จนหูชาเรื่องการแจกเงินเยียวยา 3,500 บาทสองเดือนกับกลุ่มเป้าหมาย 31.1 ล้านคนที่บังคับให้ใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังอย่างเดียว ซึ่งหมายถึงว่าคนเหล่านั้นต้องมีสมาร์ตโฟนเท่านั้นถึงจะใช้เงินจำนวนดังกล่าวได้ หลังการเข้าพบผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจของ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จะมีการปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มวิธีการใช้เงินหรือไม่
-
คอลัมน์
พาราสาวะถี : อรชุน
คิดว่าจะไม่โดนด่าเหมือนโครงการเราไม่ทิ้งกันแล้ว เพราะโครงการเราชนะอธิบายชัดเรื่องเหตุผลการจ่ายเงิน 3,500 บาทต่อเดือนเป็นเวลา 2 เดือน พร้อมกำหนดตัวบุคคลที่จะจ่ายชัดเจนว่าอยู่ที่ 31.1 ล้านคน แต่ดันมีปัญหาเรื่องวิธีการจ่ายเงิน เนื่องจากไม่มีการจ่ายเป็นเงินสด ทุกคนที่ได้รับต้องใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังเท่านั้น นั่นหมายความว่า ประชาชนที่ได้รับสิทธิ์จะต้องมีสมาร์ตโฟนกันทุกคน มิเช่นนั้น จะไม่สามารถใช้เงินที่ได้รับมาได้
-
คอลัมน์
พาราสาวะถี : อรชุน
ส่งสัญญาณกันอย่างไรก็เอากันให้ชัด ไม่ใช่ขัดแย้งในแง่ข้อมูลจนสร้างความสับสนให้กับประชาชน หลังการประชุมครม. ผู้นำเผด็จการสืบอำนาจบอกประเมินสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 แล้วแนวโน้มลดลง ปลายเดือนนี้จะพิจารณาเรื่องปลดล็อก แต่คล้อยหลังไม่ถึง 24 ชั่วโมง ฟัง แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ทีมโฆษกศบค.แถลงตัวเลขของผู้ติดเชื้อมีจำนวนที่ลดลงจริง แต่สิ่งที่ทิ้งท้ายชวนให้คิดคือสถานการณ์การระบาดในพื้นที่กทม.
-
คอลัมน์
พาราสาวะถี : อรชุน
เพราะมีบทเรียนมาจากเราไม่ทิ้งกันที่จู่ ๆ ก็ประกาศจะแจกเงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 เป็นเงิน 5 พันบาทด้วยฐานตัวเลขผู้ที่จะได้รับเงิน 3 ล้านกว่าคน ที่จนวันนี้ผู้ที่รับผิดชอบโครงการเปิดตูดทิ้งเก้าอี้กันไปแล้วก็ยังไม่มีคำอธิบายว่า ไปเอาตัวเลขเหล่านั้นมาจากไหน เพราะสุดท้ายโครงการดังว่า ต้องขยายฐานคนได้รับเงินเยียวยาไปจบกันที่ตัวเลขเกือบ 20 ล้านคน ถือเป็นบทเรียนสำคัญของการแจกโดยไม่คิดหรืออีกนัยคือขนาดแจกเงินยังโดนด่า
-
คอลัมน์
พาราสาวะถี : อรชุน
เป็นการแจกแจงตามหน้าที่จริง ๆ สำหรับโฆษกกองทัพบก พลโทสันติพงศ์ ธรรมปิยะ เกี่ยวกับกรณีฝ่ายการเมืองจี้กองทัพบกให้ตัดงบการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ในปี 2565 วงเงินรวมกว่า 6,152 ล้านบาท และนำไปเยียวยาประชาชน โดยตอบเชิงหลักการว่า ในการจัดทำงบประมาณแต่ละปีจะมีคณะกรรมการพิจารณาถึงความเหมาะสม รวมไปถึงเมื่อเข้าสู่อนุกรรมาธิการก็จะมีการไปชี้แจงถึงความจำเป็น ดังนั้น การจะตัดงบในส่วนใดบ้างก็เป็นไปตามขั้นตอน