เจาะกระดาน

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : ฝรั่งขายแสนล้าน?

    * อีกหนึ่งเงื่อนไขที่จะทำให้ตลาดหุ้นไทยวิ่งทะลุแนวต้าน 1,600 จุดอย่างสวยงาม น่าจะขึ้นอยู่กับแรงขายของนักลงทุนที่เป็นฝรั่งหัวทองต่อจากนี้จะเบาลงขนาดไหน? บวกกับข้อมูลในเดือน พ.ค. ชี้ว่า ขายหุ้นออกมากถึง 2.50 หมื่นล้านบาท และนับตั้งแต่ต้นปี 2564 ก็จัดหนักเกือบ 6 หมื่นล้านบาท เหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดว่า อ้ายหรั่งไม่คิดจะอยู่ในตลาดหุ้นไทยแล้วนะคะ

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : ฝืนธรรมชาติเพื่อ..?

    * ก่อนอื่นต้องบอกว่า “โมนิก้า” เป็นคนมองโลกในแง่บวกเป็นประจำ และมักมองเรื่องอุปสรรคที่เข้ามาเป็นเพียงบททดสอบในชีวิตการลงทุน จึงไม่เคยคิดจะกล่าวโทษใครทั้งสิ้น และยึดมั่นแนวทางที่จะไม่พูดถึงคนที่ไม่อยู่ในโลกใบนี้ เพราะมันไม่มีประโยชน์จากสิ่งที่ทำลงไปแม้แต่นิดเดียว ผสานกับคนในสังคมหุ้นกำลังรุมด่าสื่อบางแห่งลับหลังอย่างหนักแบบนี้..มันไม่จรรโลงใจเลยพับผ่าสิ!

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : ถอยรับของ

    * วันนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ต้องลุกขึ้นมาตั้งคำถามกับขาลุยทั้งหลายแหล่ว่า อาการสวิงสวายของตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมาบอกอะไร? รวมทั้งอาการแกว่งตัวแคบ ๆ ทั้งในแดนบวกและแดนลบ กำลังสื่ออะไร? เพราะเมื่อเหลือบดูปัจจัยที่จะเป็นตัวสร้างความมั่นใจอย่างบูรณาการ มันหาไม่เจอแม้แต่เรื่องเดียวเลยพับผ่าสิ! เดี๊ยนจึงต้องบอกกับแฟนคลับให้ตั้งสติก่อนเคาะขวาอีกรอบไงล่ะคะ

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : เด้งเพื่อลง?

    * จริง ๆ เดี๊ยนไม่อยากพูดถึงประเด็นที่เป็นลบกับตลาดหุ้นไทยสักเท่าไหร่! แต่ข่าวสารที่พรั่งพรูออกมาในมุมที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจมันเยอะเหลือเกิน จึงต้องอธิบายการเด้งกลับของดัชนีขึ้นมาปิดที่ 1,566.80 จุด บวกไป 17.64 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9.82 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นการซื้อกลับช่วงสั้น ๆ เพื่อรอลุ้นข่าวดีชิ้นใหม่? ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของตลาดหุ้นต่างประเทศไปโดยปริยายไงล่ะคะ

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : หุ้นแรง (เว่อร์) ?

    * วันนี้ต้องยอมรับความจริงที่ว่า นักเล่นส่วนใหญ่ยังมองบริเวณ 1,550 จุดเป็นจุดของการตั้งเกมใหม่ จึงมีแรงซื้อเข้ามารับหุ้นเป็นระยะ และไล่หุ้นกลับขึ้นเป็นประจำ ส่งผลให้โมเมนตัมของการลงทุนไม่แย่ลงเหมือนที่กังวลนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่แฟนคลับต้องเรียนรู้ไปทีละขั้นตอน เพราะสถานการณ์ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงฝุ่นตลบ จึงยังไม่รู้แน่ชัดว่า อะไรเป็นอะไรไงล่ะคะ

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : ตั้งเกมใหม่

    * ช่วงนี้อาจเป็นจังหวะที่นักเล่นกลุ่มต่าง ๆ รู้สึกห่อเหี่ยวกันไปบ้างก็จริง แต่อย่างน้อยก็ทำให้นักเล่นมีเวลาหยุดพักเพื่อหายใจหายคอ หลังจากโดนมรสุมข่าวลบซัดกระหน่ำอย่างหนักตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น มันเป็นเรื่องปกติสำหรับบรรยากาศการลงทุนที่ไม่มีอะไรมาจรรโลงใจ ผู้เล่นหลายคนเลยใช้วิธี “เก็บคองอเข่า” เพื่อช่วยลดแรงกระแทกอันไม่พึงประสงค์ไงล่ะคะ

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : ข่าวโหด..ถล่มหุ้น

    * วันนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” พยายามสื่อสารกับแฟนคลับทุกคนแบบจัดเต็ม เพื่อทำให้ทุกคนอยู่กับสถานการณ์ที่บีบรัดในทุกด้านให้ได้ จึงขอเม้าท์ถึงแรงขายที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นเที่ยวนี้ ล้วนมาจากการโยกเงินของนักลงทุนสถาบันเป็นหลัก ผนวกกับขาดปัจจัยบวกเข้ามากระตุ้นความเชื่อมั่น ภาพของการลงทุนถึงออกมาในโทนห่อเหี่ยวละเหี่ยใจจนหาคำเปรียบเปรยไม่ได้ไงล่ะคะ

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : ทุบหุ้นใหญ่

    * หลังจาก “โมนิก้า” ไล่เรียงประเด็นสำคัญที่มีผลโดยตรงกับการทรุดตัวของดัชนีไปเมื่อวันก่อน วันนี้ก็ถึงคิวของการลงรายละเอียดทั้งหมด เพื่อทำให้แฟนคลับเข้าใจถึงท่าทีของนักลงทุนสถาบันมากขึ้น เพราะการทรุดตัวของตลาดหุ้นทั่วโลกเกี่ยวพันโดยตรงกับ เงินเฟ้อของประเทศอเมริกาที่ขึ้นไปแตะระดับ 3% ซึ่งอาจทำให้เฟดต้องเลือกใช้วิธีขึ้นดอกเบี้ย เพื่อสกัดกั้นสถานการณ์ไม่ให้ลุกลามไปมากกว่านี้นะจ๊ะ

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : กำไรโตยืนหนึ่ง

    * หลังจาก “โมนิก้า” ใช้เวลานั่งพิเคราะห์งบของบริษัทต่าง ๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วนก็พบว่า สถานการณ์โดยรวมของบริษัทจดทะเบียนยังอยู่ในเกณฑ์พอใช้ และอีกไม่กี่วันข้างหน้าจะเริ่มมีการปรับเป้าของหุ้นที่ทำผลงานดี จึงกลายเป็นจังหวะของการโฟกัสไปยังหุ้นรายตัวที่มีสตอรี่เกี่ยวกับกำไรเด่น เดี๊ยนจึงขอใช้พื้นที่ตรงนี้เม้าท์ถึงปัจจัยพื้นฐานของหุ้นที่อยู่ “ในกระแส” และ “นอกกระแส” มากสักหน่อยจ้า!

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : หุ้นงบสวย

    * ท่าทางแฟนคลับขาลุยคงต้อง “นั่งลุ้น นอนลุ้น” อีกสักพักหนึ่งกว่าดัชนีจะวิ่งทะลุแนวต้าน 1,600 จุด อย่างเป็นทางการ จึงขอยกยอดประเด็นนี้ไปเป็นเรื่องรอง ๆ ที่จะเม้าท์ถึง และขอโฟกัสไปที่ประเด็นหุ้นงบสวยเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ที่เป็นอยู่สักหน่อย หลังนักลงทุนกำลังมองหาตัวเลือกใหม่สำหรับการลงทุน เพราะการมาของโควิด-19 ในช่วงเดือน มี.ค. ทำให้หลายบริษัทพลาดเป้าไปเล็กน้อยนะสิ

Back to top button