เจาะกระดาน

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : ฝรั่งจัดชุดใหญ่!

    ก่อนอื่น “โมนิก้า” ขออารัมภบทความในใจเพื่อให้แฟนคลับได้เห็นความปลาบปลื้มใจที่ได้เห็นดัชนีวิ่งขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 1,420.43 จุด บวกไป 31.09 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.05 แสนล้านบาทเป็นลำดับแรก เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้เหมือนเป็นการลบล้างความคับข้องใจที่มีต่อตลาดหุ้นไทยจนหมดเกลี้ยง พร้อมกับเปิดโลกทัศน์ใบใหม่ให้กับแมงเม่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งส่งผลให้ปัญหาการเมืองในประเทศกลายเป็นเรื่องสิว ๆ ในทันทีพะยะค่ะ

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : 1,380 จุดครั้งที่ 3

    ในที่สุด “โมนิก้า” ต้องเอาสถิติเก่ามาพูดอีกครั้ง เพราะรูปแบบการเคลื่อนตัวมีลักษณะโอนอ่อนไปทางนั้นมากเหลือเกิน และที่ผ่านมาก็เคยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ทางอ้อม ๆ มาแล้วหลายครั้งเหมือนกัน แต่ที่พูดชัดเจนฉะฉานคงเป็นการฟันธงการเคลื่อนตัวแบบ V-Shape W-Shape และ J-Shape ขณะเดียวกันต้องเข้าใจคอนเซ็ปต์การยกฐานขึ้นไปสร้างแนวรับใหม่ที่สูงกว่าเดิมต้องผ่านการทดสอบแรงขายเสียก่อนเจ้าค่ะ

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : รอจังหวะ?

    ถ้าให้ “โมนิก้า” วิเคราะห์ข้อมูลแบบ “ล้วงลับตับแตก” ความคิดของนักวิเคราะห์ซีกหัวอนุรักษนิยมจะพบว่า ส่วนใหญ่จะแนะนำให้ทำกำไร หลังจากนั้นให้รอจังหวะเข้าซื้อรอบใหม่ เพราะการซื้อหุ้นเก็งกำไรในระดับราคานี้ “ผลตอบแทนไม่คุ้มกับความเสี่ยง” และเหตุผลดังกล่าวก็นำไปสู่ความคิดที่ว่า หนทางที่ดีที่สุดในการลงทุนระยะกลางก็คือ “ถือเงินสด 30%” พะยะค่ะ

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : เขย่าก่อนดัน

    ก่อนอื่นต้องกราบเรียนมิตรสหายและแฟนคลับทั่วประเทศให้ทราบกันตามตรงว่า แสงสว่างปลายอุโมงค์ที่เกิดขึ้นจากความคืบหน้าวัคซีนโควิด-19 กลายเป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้นักลงทุนสถาบันเดินหน้าซื้อหุ้นไทยต่อไปอีกวันก็จริง แต่อย่าลืมว่า ตลาดหุ้นไทยกำลังเข้าสู่โค้งสำคัญเพื่อจะไปต่ออย่างแข็งแรง จึงน่าจะมีแรงขายล็อตใหญ่ออกมาอีกระลอก เพื่อทดสอบฐานแนวรับว่ามีความมั่นคงเพียงใดพะยะค่ะ

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : 1,350 จุด ยึดให้มั่น!

    วานนี้เป็นอีกครั้งที่เหล่า “กองเชียร์หุ้น” ต้องรู้สึกผิดหวังอย่างแรง เมื่อเห็นสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยออกไปในโทนแผ่วปลายซ้ำแล้วซ้ำอีก บวกกับนักลงทุนแกนหลักที่เคยเป็นผู้ซื้อเป็นประจำกลับมาเทขายหุ้นอย่างเมามัน จนดัชนีที่เปิดกระฉูดขึ้นไปในช่วงเช้า ทำจุดสูงสุดที่ 1,365.87 จุด กลับลงมาปิดเพียงแค่ 1,351.06 จุด บวกไป 4.59 จุด ด้วยมูลค่า 7.85 หมื่นล้านบาท มันเป็นจังหวะที่นักเล่นต้องกลับมานั่งทบทวนรูปแบบการลงทุนอีกรอบนะจะบอกให้

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : ตั้งลำใหม่

    แรงซื้อที่เข้ามาช่วยยันดัชนีในช่วงเปิดเทรดทำให้รู้ว่า ตลาดหุ้นกำลังเข้าสู่โหมดของการตั้งลำใหม่ เพื่อรอเวลาขึ้นไปสร้างฐานใหม่ที่สูงกว่าเดิม จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ๆ สำหรับการฟื้นตัวในเที่ยวนี้ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการสวนกระแสสัญญาณเทคนิคอย่างน่าหวาดเสียว เพราะไม่ช้าก็เร็วดัชนีต้องลงไปปิดแก๊ปที่เปิดไว้บริเวณ 1,300 จุด จึงอยากให้แฟนคลับ “คิดเร็ว ทำเร็ว” สักนิดหนึ่งนะจ๊ะ

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : ปิดแก๊ป 1,300 เพื่อขึ้นใหม่!

    แรงเทขายที่ออกมาเป็นจำนวนมาก จนดัชนีทรุดตัวลงมาปิดที่ 1,336.31 จุด ลบไป 9.03 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9.72 หมื่นล้านบาท กลายเป็นประเด็นทำให้รู้สึกหวั่นใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไหม ? “โมนิก้า” ตอบได้ทันทีว่า ไม่หวั่นใจแม้แต่นิดเดียว เพราะข้อมมูลทางเศรษฐกิจหลายอย่างชี้ไปในทางเดียวกันว่า กำลังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่เผอิญตลาดหุ้นทั่วโลกตอบสนองต่อข่าวดังกล่าวเร็วไปหน่อยพะยะค่ะ

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : ฝรั่งลุยต่อ

    สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในช่วงข่าวดีล้นหลาม ก่อให้เกิดเรื่องราวมากมายที่ทำให้ผู้คนเม้าท์แตกไม่หยุดหย่อน พร้อมกับเกิดปรากฏการณ์โลกสวยกันเป็นแถบนั้น “โมนิก้า” มองเป็นกระแสความเชื่อที่พุ่งเป้าไปยังฟันด์โฟลว์เป็นหลัก ส่งผลให้ภาพของการลงทุนไม่ได้ตั้งอยู่บนปัจจัยพื้นฐานแต่อย่างใด เดี๊ยนถึงพยายามชี้แง่มุมต่าง ๆ ที่สังคมชาวหุ้นกำลังให้ความสนใจนะจะบอกให้

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : แรลลี่ยาว?

    วันนี้ “โมนิก้า” ขออนุญาตเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทยมากนิดหนึ่ง หลังดัชนีพุ่งพรวดขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,346.72 จุด ก่อนจะย่อตัวลงมาปิดที่ 1,341.24 จุด บวกไป 55.36 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายกระฉูดขึ้นไปถึง 1.67 แสนล้านบาท พร้อมกับสร้างวาทกรรม “รุ่งอรุณของวันใหม่..สู่ทางเดินอันสดใส” ถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นที่ดีเลยทีเดียว เพราะหลายคนเชื่อว่า ตลาดหุ้นไทยจะเดินหน้าขึ้นได้อีกพะยะค่ะ

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : เอนจีน..อ่อนสหรัฐฯ

    ก่อนจะเข้าสู่เรื่องเม้าท์แตกถึงความร้อนแรงของตลาดหุ้นไทย “โมนิก้า” อยากให้นักเล่นเข้าใจเหตุผลของการไหลเข้าของเม็ดเงินต่างชาติ จนทำให้เงินบาทแข็งโป๊กในรอบหลายเดือน กลายเป็นกลไกปกติที่พบเห็นได้เป็นประจำในยามที่ต้องการปลุกขวัญความเชื่อมั่นที่มีต่อสหรัฐฯ จึงเป็นช็อตที่ต้องดูกันยาว ๆ ว่า ผลดังกล่าวจะสำเร็จเป็นรูปธรรมเมื่อไหร่ ? หลังโฆษณาชวนเชื่อที่ปล่อยออกมาสัมฤทธิผลไปแล้วในระดับหนึ่งพะยะค่ะ

Back to top button