โมนิก้าและทีมงาน
-
คอลัมน์
เจาะกระดาน : เจ๊งแล้ว..ต้องจบ
วันนี้หากถามความรู้สึกของผู้คนที่อยู่ในวงการหุ้น และนอกวงการหุ้น ทุกคนต่างลงความเห็นไปในทางเดียวกันว่า “เจ๊งยับ” เพียงแต่ความชิบ..ที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้ต้องจบในเวลาที่รวดเร็ว เพื่อจะได้เซ็ตเกมธุรกิจกันใหม่อีกรอบ ซึ่งเป็นมุมมองที่สะท้อนให้เห็นสภาพจิตใจที่แข็งแกร่งของผู้ประกอบการต่าง ๆ เดี๊ยนจึงขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่าน เพื่อฝ่าฟันวิกฤติไวรัสมรณะไปด้วยกันพะยะค่ะ
-
คอลัมน์
เจาะกระดาน : กองทุนพาเสียว!
ทุกครั้งที่กองทุนตัวแสบ (กดซื้อไป 8 พันล้านบาท) กระโจนเข้ามาไล่หุ้นอย่างเมามันทีไร “โมนิก้า” มักมีอาการใจคอไม่ดีเป็นประจำ เพราะเหมือนเป็นเกมเล่นรอบ ซึ่งใช้กลยุทธ์ลากหุ้นไปออกของราคาสูง ส่งผลให้การวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1,127.24 จุด บวกไป 83.05 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9.30 หมื่นล้านบาท ยังมีภาพของการเด้งเพื่อลงค่อนข้างเยอะ จึงไม่ขอแสดงความคิดเห็นอะไรมากไปกว่าที่เป็นอยู่…
-
คอลัมน์
เจาะกระดาน : ดันสู้เพื่อ..?
ถ้าประเมินสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยตามข้อมูลที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับไวรัสโควิด-19 ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้นทุกวัน “โมนิก้า” ย่อมไม่เข้าใจเหตุผลที่ทำให้ดัชนีพยายามฝืนบวก ทั้งที่ตลาดหุ้นทั่วโลกแดงแป๊ด..ดด รวมทั้งผลงานของบริษัทจดทะเบียนก็ไม่ปัง จึงอยากให้นักเล่นพยายามประเมิน “ผลได้” กับ “ผลเสีย” อันไหนมีมากกว่ากัน เพื่อใช้ประกอบการเคาะขวาหุ้นไงล่ะคะ
-
คอลัมน์
เจาะกระดาน : ฝรั่งกระหน่ำ
หลายครั้งที่ตลาดหุ้นไทยดีดกลับขึ้นมาหลังจากรูดไปหนัก ๆ มักจะทำให้ทุกคนมีอารมณ์ร่วมอยู่เสมอ แต่เหตุการณ์ดังกล่าวสุดท้ายมักจบลงด้วยการฝันค้างกลางอากาศอยู่เป็นประจำจนหลายคนไม่อยากคาดหวังอะไรที่ไกลเกินตัวอีกแล้ว “โมนิก้า” ถือเป็นแนวคิดการลงทุนที่ใช้ได้ดีท่ามกลางบรรยากาศที่ยังขมุกขมัว เนื่องจากการเคลื่อนไหววานนี้ดัชนีพุ่งไปถึง 1,076.16 จุด แล้วลงมาป้วนเปี้ยนแถว ๆ 1,050 จุดอีกครั้ง สุดท้ายมาปิดที่ 1,048.15 จุด บวกได้เพียง 12.98 จุด แสดงให้เห็นว่าต้องปรับตัวให้ไว…
-
คอลัมน์
เจาะกระดาน : หลุดพันจุด ?
ดูเหมือนความวิตกกังวลเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 จะกลายเป็นตัวเร่งให้สถานการณ์แย่ลงไปเรื่อย ๆ จนผู้คนไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรทั้งสิ้นนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ทุกคนพอคาดเดาได้ล่วงหน้า เพียงแต่ไม่รู้ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะรุนแรงขนาดไหน ? เลยทำให้นักลงทุนพยายามขายหุ้นเมื่อดัชนียกตัวสูงขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเป็นทางออกเดียวที่ทำให้พอร์ตของนักลงทุนไม่ยับเยินไปกว่าที่เป็นอยู่นะคะ
-
คอลัมน์
เจาะกระดาน : ขอตัวช่วย!
บอกตามตรงว่า “โมนิก้า” รู้สึกเป็นกังวลกับท่าทีของผู้มีอำนาจในประเทศไทยเป็นอย่างมาก เพราะวัน ๆ มัวแต่กัดกันไม่เลิก พร้อมกับเอาเรื่องศักดิ์ศรีของตัวเองเป็นที่ตั้ง จนหลงลืมสถานการณ์ประเทศไทยเข้าขั้นวิกฤติขนาดไหน ? มันเป็นเรื่องที่สุดแสนจะอุบาทว์เกินจะบรรยาย จึงไม่ต้องแปลกใจที่แฮชแท็กมาแรงแซงทางโค้งของเที่ยวนี้กลายเป็น “รัฐบาลเฮงซวย” จนขึ้นอันดับ 1 ในทวิตเตอร์พะยะค่ะ
-
คอลัมน์
เจาะกระดาน : เอาไม่อยู่ ?
นี่เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” รู้สึกถึงความไม่ปกติที่เกิดขึ้นกับหุ้นไทย และสภาพความเป็นอยู่ในชีวิต จึงต้องออกมาย้ำหัวหมุดเกี่ยวกับผลกระทบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ เพื่อชี้ให้ทุกคนได้เห็นความเสี่ยงมีเยอะเกินจะบรรยายจริง ๆ และจังหวะนี้ก็เหมาะต่อการนั่งไตร่ตรองเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า มันมีจุดเปลี่ยนที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นอยู่ตรงไหนบ้างพะยะค่ะ
-
คอลัมน์
เจาะกระดาน : โควิดลามทุ่ง ?
วันนี้ “โมนิก้า” ขออนุญาตมาแบบ “จัดเต็ม จัดหนัก” ถึงความเฮงซวยของผู้คนที่ขาดจิตสำนึกต่อการรับผิดชอบสังคม ถึงทำให้คนทั่วไปหวาดวิตกกันไปทั่วว่าไวรัสมรณะกำลังเข้าสู่ระยะ 3 ซึ่งยากต่อการควบคุมให้อยู่ในวงจำกัด จึงทำให้นักลงทุนในประเทศและต่างประเทศพากันเทขายหุ้นทิ้งแบบไม่ดูดำดูดี พร้อมกับเกิดคำถามขึ้นมาในใจทุกคนว่า รัฐบาลทำสาก..อะไรอยู่ ? เจ้าค่ะ
-
คอลัมน์
เจาะกระดาน : เหมือนจะจบสวย ?
บางครั้งโลกของการลงทุนก็เป็นอะไรที่เข้าใจยากเหมือนกัน เพราะมีหลายตัวแปรเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อม “โมนิก้า” ถึงพยายามมองเรื่องต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ เพื่อให้เข้าถึงแก่นแท้ของการเล่นหุ้นในแต่ละรอบมาจากพื้นฐานขนาดไหน ? รวมทั้งยังต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดของนักลงทุนแต่ละกลุ่ม จึงทำให้ในแต่ละวันเดี๊ยนมีเรื่องมากมายต้องคิดต้องอ่านตลอดเวลานะจะบอกให้
-
คอลัมน์
เจาะกระดาน : 1,200 เอาอยู่ ?
*ความตั้งใจแรกตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้าวานนี้คือ เม้าท์ถึงควันหลงที่เกิดจาก “เจ๊รื่น” หัวเรือใหญ่ ก.ล.ต. ออกมาส่งเสียงเจื้อยแจ้วเกี่ยวกับการมอบอำนาจให้กับกรรมการอิสระเพื่อทำหน้าที่โหวตแทนรายย่อย หลังประเทศไทยโดนไวรัสมรณะเล่นงานทีละหย่อมสองหย่อม จนตอนนี้ลุกลามจนยากเกินกว่าจะควบคุมให้อยู่ในวงจำกัด หลังจากผีน้อยหลบหนีจากการกักกันโรค ผสมโรงกับพวกคนใหญ่คนโตขาดจิตสำนึกในการกักตัวเองเพื่อดูอาการ 14 วันไงล่ะคะ