โมนิก้าและทีมงาน

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : ฝรั่งทิ้งหุ้นหมื่นล้าน

    หากมองสรรพกำลังที่ทำให้ดัชนีสามารถเดินหน้าขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไปแบบเจาะลึก “โมนิก้า” คงต้องเอ่ยปากชมพวกกองทุนตัวจี๊ดที่กระโจนไล่ราคาหุ้นอีกรอบ จนดัชนีเด้งกลับจากจุดต่ำสุดที่บริเวณ 1,605 จุด ขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,634.46 จุด บวกไป 7.45 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.85 หมื่นล้านบาท ก็เป็นวัฏจักรเดิมที่นักเล่นต่างคุ้นเคยกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี จึงไม่ต้องอธิบายว่าดัชนีจะทะยานขึ้นไปทดสอบแนวต้านเดิมบริเวณ 1,650 จุดอีกไหม?

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : คอพับ คออ่อน

    วันนี้เดี๊ยนพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า อาการแกว่งตัวไปมาของตลาดหุ้นไทยที่เกิดขึ้นยามนี้ คงเป็นผลมาจากปัจจัยหลายอย่างยังไม่เข้าที่อย่างที่ควรจะเป็น ส่งผลให้แรงซื้อเข้ามาแบบกระมิดกระเมี้ยนเสียเหลือเกิน “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นเข้าใจอาการเมาค้างที่เกิดกับตลาดหุ้นไทย ล้วนเป็นเอฟเฟกต์ที่มาจากอิทธิพลตลาดหุ้นต่างประเทศแทบทั้งสิ้นพะยะค่ะ

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : เชียร์หุ้นรอง

    หลังจากเม้าท์เรื่องหุ้นของคนมีกะตังค์ไปเยอะแยะพอสมควร เดี๊ยนเลยถือโอกาสนี้เม้าท์ถึงหุ้นรองที่ไม่ค่อยเป็นข่าวสักเท่าไหร่ดีกว่า เพราะมีหลายแง่มุมที่น่าจะทำให้ราคาหุ้นทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงอีกครั้ง ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้พวกเบี้ยน้อยหอยน้อยได้ลิ้มลองของแปลกใหม่ในชีวิต จึงขอโฟกัสไปที่หุ้นเหล่านั้นมากเป็นพิเศษ เพื่อทำให้ภาพของการเล่นเที่ยวนี้ชัดขึ้นกว่าเดิมนะจ๊ะ

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : เสียรังวัด ?

    ต้องยอมรับว่า บรรยากาศการลงทุนวานนี้มี 2 อารมณ์ที่ทำให้นักลงทุนแต่ละกลุ่มมีฟีดแบ็กที่แตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง “โมนิก้า” เลยอยากเม้าท์ถึงเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ เพื่อเป็นการสะท้อนให้เห็นภาพของนักเล่นที่มีสายป่านยาวมักได้เปรียบพวกที่มีสายป่านสั้นเป็นประจำ จึงอยากให้นักเล่นเข้าใจสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยที่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ นะจะบอกให้

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : วัดพลัง AWC

    ก่อนจะเข้าสู่ช่วงของการเม้าท์แตก ข่าวเด็ด..ประเด็นร้อน อย่างเต็มตัว “โมนิก้า” ขอพูดถึงการแกว่งตัวไปมาทั้งในแดนลบและแดนบวกของดัชนี ก่อนจะจบลงตรงการยืนปิดที่ระดับ 1,616.18 จุด บวกไป 4.01 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.22 หมื่นล้านบาทสักเล็กน้อย เพราะอาการที่เกิดขึ้นทำให้รู้ว่า ตลาดหุ้นไทยยังไม่นิ่งพอ และยังมีโอกาสพลิกไปพลิกมาตลอดเวลา จึงไม่ควรเอาตัวไปยึดติดกับอะไรมากนะจ๊ะ

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : โดนหนัก..จนเป๋

    ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา “โมนิก้า” มีความคิดเห็นเกี่ยวกับตลาดหุ้นไทยไปในทางบวกมากกว่าทางลบอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นผลมาจากตลาดหุ้นไทยดำดิ่งเข้าสู่โซนขายมากเกินไปเป็นเวลาหลายวัน จึงน่าจะถึงเวลาเด้งกลับอย่างแข็งแกร่งเสียที แต่ทันทีที่ดัชนีทะยานกลับขึ้นมาได้จริง ๆ ดันไม่มีวอลุ่มเข้ามาซัพพอร์ตอย่างที่ควรจะเป็น ภาพในมุมบวกที่เคยมีอยู่ในหัวเดี๊ยนเลยหายไปหมดในพริบตาไงล่ะคะ

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : ขึ้นแบบกลวง ๆ ?

    “โมนิก้า” รู้สึกว่า ข่าวสารหลายอย่างที่ผ่านเข้าหูซ้าย ทะลุออกหูขวา ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมานี้ จะเป็นเรื่องที่สร้างความหนักใจให้กับคนในแวดวงตลาดเงินและตลาดทุนอย่างรุนแรง (หุ้นจะไปต่อไหมหนอ!!) ส่วนกลุ่มเอสเอ็มอีที่อยู่นอกตลาดหุ้นก็เกิดอาการกระอักกระอ่วนใจจนพูดไม่ออก เพราะเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง กำลังกลายเป็นอุปสรรคในการทำธุรกิจ และขัดขวางการบริหารเศรษฐกิจภายในประเทศ ส่งผลให้ผู้รู้ทั้งหลายแหล่กุมขมับกันถ้วนหน้านะคะ

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : ขายมากเกินไป ?

    วันนี้ “โมนิก้า” ขออนุญาตเม้าท์ถึงเรื่องสัญญาณเทคนิครัว ๆ เพื่อระบายความอัดอั้นตันใจเมื่อเห็นดัชนียังไม่มีทีท่าจะผงกหัวขึ้นอย่างเป็นทางการ จึงต้องบรรยายเนื้อหาสำคัญเพื่อให้แฟนคลับได้รู้ถึงโอกาสที่ดัชนีจะอ่อนตัวลงอีกยังเปิดกว้าง แถมตัวแปรที่จะเข้ามาบิลต์อารมณ์ให้ฮึกเหิมก็ยังไม่ปรากฏให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม เดี๊ยนถึงมีอาการเบื่อ ๆ เซ็ง ๆ เมื่อเห็นอาการนักเล่นกลุ่มสถาบันยังแทงกั๊กไม่เลิกน่ะซี

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : ฝืนธรรมชาติ

    ตลาดหุ้นไทยวานนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ได้ยินได้ฟังเหล่านักเล่นหุ้นทั่วสารทิศร้องอุทานเป็นเสียงเดียวกันว่า หงอยเหงาเสียเหลือเกิ๊นนน ไล่เรียงตั้งแต่ดัชนีเซถลาลงหนักตั้งแต่เปิดการซื้อขายหุ้นตัวไหนที่ว่าเก๋าก็พากันโดนสาดออกมานอนกองอยู่กับพื้นจนแทบมองไม่เห็นหุ้น (ดี ๆ) ที่พอจะทำให้ชุ่มฉ่ำเสียบ้างเลย บรรยากาศการลงทุนถึงดูอึมครึมตลอดทั้งวันไงล่ะคะ

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : มะเขือเผาเรียกพี่

    ช่วงนี้ดูเหมือนกระแสดราม่าเรื่องต่าง ๆ จะเยอะแยะเต็มไปหมด จนหลายคนเริ่มออกอาการคล้อยตามอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่เห็นกันทนโท่ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นมันมีเหตุผลที่ทำให้เกิดเช่นนั้น! บรรดามิตรรักแฟนเพลงจึงควรยอมรับความจริงของเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เพื่อจะได้มองเห็นหนทางในภายภาคหน้าได้แจ่มแจ๋วขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเป็นการป้องกันการคิดเข้าข้างตัวเองแบบสุดลิ่มทิ่มประตูไงล่ะคะ

Back to top button