โมนิก้าและทีมงาน

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : ลงเพื่อซื้อ?

    * ดูเหมือนประเด็น Sell in May จะกลายเป็น “ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์” ที่นักลงทุนเม้าท์ถึงมากพอ ๆ กับเรื่องของ “วัคซีน” จึงขอทำความเข้าใจเรื่องราวที่ได้เกริ่นนำเมื่อวานนี้สักหน่อย ต่อจากนั้นค่อยลงรายละเอียดที่เกี่ยวกับการจั่วหัว เพื่อทำให้ทุกคนเห็นภาพการลงทุนได้ทะลุปรุโปร่งมากขึ้น เพราะเรื่องราวต่าง ๆ มากมายที่เกิดขึ้นมันเป็นลักษณะของการเล่นเกมชักเย่อไงล่ะคะ

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : ทริปเปิ้ลท็อป..มีเฮ

    * ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยมีวันหยุดยาวเข้ามาคั่นการซื้อขายทีไร “โมนิก้า” มักหยิบเรื่องสัญญาณเทคนิคขึ้นมาพูดเป็นประจำ เพราะเป็นไกด์ไลน์ที่บอกให้แฟนคลับได้รู้ถึง “แรงซื้อ แรงขาย” เดินมาถึงจุดไหนของเรื่องราวที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันยังเป็นการเตือนสติไม่ให้หลงระเริงไปกับข่าวเม้าท์ที่กำลังลือกันให้แซ่ดอีกด้วย จึงอยากให้เข้าใจในความหวังดีที่มีให้กับทุกคนพะยะค่ะ

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : TIDLOR ไม่ได้หลอกเม่า?

    * หากมองสตอรี่ที่เกี่ยวกับการอัดฉีดเงินผ่านเรื่องราวของ QE จะเห็นว่า เรื่องดังกล่าวมีผลโดยตรงกับท่าทีของ “กองทุน” กับ “ฝรั่ง” อย่างมีนัยสำคัญ และประเด็นนี้ก็เชื่อมโยงโดยตรงกับเรื่องเมื่อวันก่อนที่ “โมนิก้า” ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า นักเล่นทั้งสองกลุ่มได้กลับลำซื้อหุ้นไทยแบบจัดหนัก และเป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่ทำให้ดัชนีขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญ 1,600 จุดเป็นครั้งที่ 3 ไงล่ะคะ

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : ‘ฝรั่ง’ ผนึก ‘กองทุน’ กลับลำซื้อ

    * หลังจาก “โมนิก้า” เสียเวลาพูดถึงท่าทีของรัฐบาล “ลุงเฉื่อย” เกี่ยวกับแนวทางการบริหารจัดการโควิด-19 มาระยะหนึ่ง ในที่สุดก็ได้เห็นความร่วมใจของคนจากภาค “เอกชน” มากกว่าภาค “รัฐ” ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยให้สถานการณ์ต่าง ๆ ทุเลาลงอย่างเห็นได้ชัด จนหลายคนมองไปในทางเดียวกันว่า หากตีวงการแพร่ระบาดให้อยู่ในกรอบจำกัดสำเร็จ ก็ควรเปิดให้โรงพยาบาลนำเข้าวัคซีนทางเลือกมาฉีดเสียทีเถอะพ่อคุณ!

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : IPO ฟีเว่อร์

    * ก่อนจะเข้าสู่เรื่องที่จั่วหัวอย่างเป็นทางการ “โมนิก้า” ขอเม้าท์ถึงดราม่าเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำให้ชาวบ้านรู้สึกแปลกในชีวิตกันสักหน่อย โดยเฉพาะเรื่องค่าปรับจากการไม่ใส่แมสก์ มันเป็นเรื่องที่ลักลั่นแบบพิกลพิการอย่างไรก็ไม่รู้? โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่ “ลุงตู่” ไม่ใส่หน้ากากเข้าประชุม จนนำไปสู่ปาหี่เสียค่าปรับกันแบบนี้..มันเป็นเรื่องที่สังคมรับไม่ได้จริง ๆ เพราะคนต้นทางไม่ได้เป็นแบบอย่างที่ดีเลยพับผ่าซิ!..แล้วอิฉันจะหวังอะไรได้ล่ะคะ

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : ช้าหรือเร็ว..ปลายทางก็เหมือนกัน

    * ถ้าดูกันตามหน้าเสื่อ และประวัติเก่า ๆ เกี่ยวกับความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการฝ่าฟันวิกฤต “โมนิก้า” ต้องยอมรับความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของพี่น้องชาวไทย โดยเฉพาะในยามที่ทุกคนต้องทนเจ็บหนักเพื่อทำให้สถานการณ์ทุเลาลงนั้น! มันเป็นประเด็นที่ทำให้เดี๊ยนต้องเม้าท์ถึงความเฉื่อยของรัฐบาล “ลุงตู่” และความไม่เอาอ่าวของคนที่กุมบังเหียนสาธารณสุขอย่าง “เสี่ยหนู” สักหน่อยเจ้าค่ะ

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : 1,550 จุดรับแรก

    * หากไล่เรียงเหตุการณ์ไปทีละเปลาะตามที่ได้เกริ่นนำให้ฟังตั้งแต่สัปดาห์ก่อนจะเห็นว่า ภาพการเคลื่อนตัวของดัชนียังเป็นลักษณะฟันปลา ซึ่งเป็นการแกว่งตัวเพื่อหาฐานแนวรับที่มั่นคง โดยใช้เวลาคร่าว ๆ ประมาณ 2 เดือน ก่อนจะถีบตัวขึ้นไปทำฐานใหม่ที่สูงกว่าเดิม “โมนิก้า” ถึงพยายามให้แฟนคลับเข้าใจวงรอบการเคลื่อนตัวของตลาดหุ้นไทย เพื่อกำหนดจังหวะ “ซื้อขาย” ได้แม่นยำขึ้นกว่าเดิมพะยะค่ะ

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : ช้อนได้..ก็ช้อน

    * ประเด็นของเศรษฐกิจช่วงนี้คงไม่มีอะไรตื่นเต้นมากนัก เพราะทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่า สถานการณ์เดือน เม.ย. อยู่ในสภาพยับเยินขนาดไหน? จึงไม่ควรเสียเวลานั่งอาลัยอาวรณ์ให้เสียเซลฟ์ หลังโมเมนตัมที่แย่สุด ๆ กำลังจะผ่านพ้นไปในไม่ช้า (หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น) “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับเล็งถึงโอกาสในการเข้าซื้อหุ้นเมื่ออ่อนตัวลงมาอีกรอบ เพราะเดือน พ.ค. น่าจะมีอะไรที่ดีขึ้นเป็นรูปธรรมบ้างล่ะค่ะ

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : ดับเบิลท็อป..เพื่อตั้งลำ

    * แรงซื้อ แรงขาย ที่มีการปะทะกันตลอดทั้งวันทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะมันคือรูปแบบของการเตรียมพร้อมสำหรับการเดินหน้าอย่างมั่นคง และถ้าอิงตามแพตเทิร์นเดิมที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้จะเห็นว่า ดัชนีจำเป็นต้องทำดับเบิลท็อปที่บริเวณ 1,600 จุด เพื่อพิสูจน์แรงขายตรงบริเวณดังกล่าวมีเยอะขนาดไหน? และจะนำไปสู่การแกว่งตัวออกด้านข้างเพื่อตั้งลำกระชากขึ้นใหม่อีกครั้งนะคะ

  • คอลัมน์

    เจาะกระดาน : แรงนัก..พักหน่อย

    * เอาจริง ๆ “โมนิก้า” ไม่วอรี่กับการขึ้นของหุ้นรายตัว และการขึ้นพรวดพราดดัชนีสักเท่าไหร่ เพราะถ้ามองตามกฎแรงโน้มถ่วงโลก และการสะท้อนกลับตามหลักฟิสิกส์ ทุกคนย่อมรู้อยู่แล้ว เมื่อถึงจุดที่ไปต่อไม่ไหว ก็จะร่วงแรงเท่ากับตอนที่ขึ้นมา และเมื่อถึงจังหวะที่ “ลงแรง ก็จะเด้งแรง” เดี๊ยนถึงมองทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทย มันมีที่มาที่ไปอย่างชัดเจน ซึ่งขึ้นอยู่กับคนที่มอง จะมองในมุมของวิทยาศาสตร์หรือเปล่า?..อิอิอิ

Back to top button